
โปรแกรม โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า โดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ที่ Dr.Jun Clinic
โปรแกรมโบท็อกซ์
ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า
โดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์
ที่ Dr.Jun Clinic
โบท็อกซ์ (Botox) หรือ โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ เป็นชื่อที่คุ้นหูของหลายท่านที่ต้องการลดริ้วรอยบนใบหน้า ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวกระชับมากขึ้น รวมถึงยังสามารถใช้เพื่อลดเหงื่อ และรักษาอาการออฟฟิศซินโดรมได้ โดยโบท็อกซ์มีคุณสมบัติในการลดการทำงานของระบบประสาททำให้กล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดสารนี้ลงไปเกิดการคลายตัวชั่วคราว ส่งผลให้ริ้วรอยบนใบหน้าดูจางลง และใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์มากขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ได้อยู่ยาวนานประมาณ 3-6 เดือน หรืออาจอยู่ได้ยาวนานถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง รวมถึงยี่ห้อของตัวโบท็อกซ์ที่เลือกใช้ แต่ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ยาวนานควรรับบริการจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ สถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือครับ
Botulinum Toxin คือ
Botulinum toxin คือ สารสกัดโปรตีนบริสุทธิ์ จากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum)” มีคุณสมบัติในการรบกวนเฉพาะการทำงานของ “สารสื่อประสาท” ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราว ซึ่งชนิดที่นิยมนำมาใช้ในวงการเสริมความงามและการแพทย์ส่วนใหญ่คือ Botulinum Toxin Type A โดยแบรนด์ที่เลือกใช้ใน Dr. Jun Clinic – คลินิกหมอจุน ได้แก่
- Aestox
- Allergen
โบท็อกซ์ ทำงานอย่างไร ?
หลักจากที่แพทย์ฉีด โบท็อกซ์ หรือ Botulinum toxin ลงไปยังกล้ามเนื้อบนใบหน้าของคนไข้ในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา โบท็อกซ์จะเข้าไปลดการทำงานของ “สารสื่อประสาท” ที่คอยสั่งการให้กล้ามเนื้อหดตัว ส่งผลให้ไม่สามารถทำงานได้ชั่วคราว และอยู่ในสภาวะคลายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ริ้วรอยดูจางลง และผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียนมากขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไปโบท็อกซ์ หรือ Botulinum toxin จะฤทธิ์ไปได้เองตามธรรมชาติ และกล้ามเนื้อสามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติหากไม่มีการฉีดซ้ำ
โบท็อกซ์ฉีดจุดไหนได้บ้าง ?
โบท็อกซ์ มีหลายจุดบนใบหน้าและร่างกายที่สามารถฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการรักษาตามที่คนไข้ต้องการ โดยแต่ละจุดมีวัตถุประสงค์ในการฉีดที่แตกต่างกัน โดยที่ Dr. Jun Clinic – หมอจุนคลินิก แพทย์จะแบ่งตำแหน่งจุดที่ฉีดออกเป็น 3 กลุ่มการรักษาหลัก คือ โบท็อกซ์ริ้วรอย , โบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าและกราม , โบท็อกซ์รักแร้เพื่อลดเหงื่อ และโบท็อกซ์รักษาอาการออฟฟิศซินโดรม
- โบท็อกซ์ริ้วรอย
โบท็อกซ์ริ้วรอย เป็นการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ลงไปบนใบหน้า เพื่อลดการเกิดริ้วรอยบนผิวจากการแสดงสีหน้าของคนไข้ หลังจากฉีดโบท็อกซ์ลงไปในบริเวณดังกล่าว กล้ามเนื้อจะคลายตัวออกชั่วคราว ส่งผลให้เวลาที่คนไข้ต้องการแสดงสีหน้า การเกิดขึ้นของริ้วรอยลดลงหรือไม่เกิดริ้วรอยเลย
- โบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า
โบท็อกลิฟกรอบหน้า (Botox Face Lifting) หรือ โบท็อกซ์กรอบหน้า (jaw botox) เป็นการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ลงไปบนใบหน้าของคนไข้ เพื่อแก้ไขปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยไม่กระชับ หรือรูปหน้าไม่ชัดเจน โดยจุดที่แพทย์ทำการฉีดโบท็อกซ์จะอยู่ระหว่างแนวกรอบหน้าหรือลำคอ ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดการหดตัวทำ ช่วยให้รูปหน้าดูเรียว กรอบหน้าชัด ใบหน้ามีมิติและยกกระชับมากขึ้น
- โบท็อกซ์กราม
โบท็อกซ์กราม เป็นการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ลงไปบนใบหน้าของคนไข้บริเวณแนวกรามเพื่อให้กล้ามเนื้อในบริเวณดังกล่าวเกิดการคลายตัว เพื่อผลลัพธ์ให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น แต่ทั้งนี้ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์กรามจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในคนไข้ที่มีรูปกรามชัดจากการทำงานของกล้ามเนื้อมากกว่าคนไข้ที่มีกระดูกรามใหญ่ และในช่วงแรกหลักฉีดโบท็อกซ์กรามอาจมีความรู้สึกเคี้ยวอาหารไม่ค่อยสะดวก จะสามารถหายได้เองเมื่อโบท็อกซ์ทำงานได้เต็มที่ แต่ทั้งนี้ควรรับบริการจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
- โบท็อกซ์รักแร้ ลดเหงื่อ
โบท็อกรักแร้ หรือ โบท็อกซ์ลดเหงื่อ เป็นการฉีดสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ลงไปยังผิวหนังบริเวณรักแร้ของคนไข้ เพื่อระงับการทำงานชั่วคราวของสารสื่อประสาทอะซีทิลคอลีน (Acetylcholine) ซึ่งสารสื่อประสาทนี้ทำหน้าที่ควบคุมการผลิตเหงื่อ เมื่อถูกระงับชั่วคราวทำให้ปริมาณเหงื่อที่ออกหลังจากฉีดโบท็อกซ์ลดลงหรือแทบไม่มีเหงื่อเลย
- โบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรม เป็นอาการที่กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งส่งผลทำให้เกิดอาการปวด ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมการทำงานซ้ำๆ หรือ ท่าทางที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในผู้ที่ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ ซึ่งโบท็อกซ์ออฟฟิศซินโดรม เป็นการฉีดโบท็อกซ์ลงไปยังบริเวณที่ต้องการรักษา เพื่อให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งคลายตัวออก ช่วยให้ให้อาการปวดลดลงได้ แต่ทั้งนี้ควรรับบริการจากแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
การเตรียมตัวก่อนเข้าร่วมโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์
การเตรียมตัวก่อนการฉีดโบท็อกซ์อย่างถูกวิธี เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง และเป็นการลดโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการรักษาที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยยืดอายุผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดโบท็อกซ์ให้อยู่ได้ยาวนานมากขึ้น
- ปรึกษาแพทย์
หากมีโรคเกี่ยวระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อ ประวัติการแพ้ยา แพ้โบท็อกซ์ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา รวมถึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมและได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง
- งดการทานยา วิตามิน อาหารเสริมบางชนิด
งดการทานยา วิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิดที่มีส่วนส่งผลทำให้ เลือดหยุดไหลยากหรือทำให้ร่างกายร้อนชั่วคราว เป็นเวลาอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เช่น ยาแอสไพริน, ยากลุ่ม NSAIDs, วิตามินอี, น้ำมันปลา, เป็นต้น หากมีโรคประจำตัวหรือจำเป็นต้องทานยาหรือวิตามิน อาหารเสริมบางชนิดต่อเนื่อง ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนการหยุดทาน
- พักผ่อนให้เพียงพอ
พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อช่วยลดอาการบวมหลังฉีดโบท็อกซ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ และทำให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง ก่อนเข้ารับโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์
การดูแลตัวเองหลักข้าร่วมโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์
- หลังการรักษาทันที ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อให้โบท็อกซ์กระจายตัวและออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่
- งดการนอนราบอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังการรักษา เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของโบท็อกซ์ไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
- งดการทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนบนผิว รวมถึงการประคบร้อนในบริเวณที่ทำการรักษาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- เลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก หรืออยู่ในบริเวณที่มีความร้อนสูง เพื่อให้ผลลัพธ์ของโปรแกรมฉีดดบท็อกซ์อยู่ได้นานมากขึ้น
- หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือคลินิกที่เข้ารับบริการ
คำถามที่พบบ่อย
โบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน และต้องฉีดซ้ำบ่อยแค่ไหน?
อายุการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด ยี่ห้อของผลิพภัณฑ์รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งส่วนใหญ่ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4 -12 เดือน ซึ่งข้อสำคัญเลย โบท็อกซ์ไม่ชอบความที่สะสมมากจนเกินไป เช่นการอบซาวน่า ไดร์เป่าผม เป็นต้น สามารถฉีดซ้ำได้เมื่อรู้สึกว่าริ้วรอยเริ่มกลับมา หรืออาจปรึกษาแพทย์ก่อนจะฉีดซ้ำ
โบท็อกซ์ควรฉีดตอนไหน ต้องรอให้เกิดริ้วรอยชัดเจนก่อนไหม?
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ผิวจะเริ่มขาดคอลลาเจนและอิลาสตินไปเรื่อย ทำให้เกิดปัญหาผิวไม่กระชับ หย่อนคล้าย ขาดความยืดหยุ่น โดยเฉพาะตั้งแต่อายุ 25 ปีเป็นต้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนว่าส่งผลให้เกิดริ้วรอยมากแค่ไหน ในคนไข้บางคนที่มีความกังวลค่อนข้างมาก สามารถเริ่มฉีดได้ทันทีที่ริ้วรอยเริ่มปรากฏเพื่อลดโอกาสเกิดริ้วรอยถาวรในระยะยาว แต่ทั้งนี้ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินและวางแผนการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง
ฉีดโบท็อกซ์เจ็บไหม?
ความรู้สึกเจ็บระหว่างการฉีดโบท็อกซ์คนไข้แต่ละคนจะรู้สึกไม่เท่ากัน ในระหว่างที่แพทย์ทำการฉีดโบท็อกซ์ จะมีการประคบเย็นเพื่อลดความเจ็บปวดจากเข็มได้ หรือในบางครั้งถ้าคนไข้มีความกังวลค่อนข้างมากสามารถทายาชาก่อนทำการฉีดโบท็อกซ์ได้
ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์?
ผู้ที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ ได้แก่ สตรีที่กำลังตังครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ที่มีประวัติแพ้โบท็อกซ์ หรือมียาที่รับประทานเป็นประจำที่อาจมีผลต่อการทำงานของโบท็อกซ์ เพื่อความปลอดภัยและให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังควรปรึกษาแพทย์และให้แพทย์เป็นผู้ประเมินวางแผนการรักษา
โบท็อกซ์แล้วจะทำให้หน้าแข็ง ดูไม่เป็นธรรมชาติจริงไหม?
ไม่จริงเสมอไป ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์ขึ้นอยู่กับเทคนิคการฉีดของแพทย์ ปริมาณที่ใช้และตำแหน่งในการฉีด โดยแพทย์จะวางแผนและออกแบบการรักษาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังและดูเป็นธรรมชาติ